17 กุมภาพันธ์ 2568

คอร์สเกี่ยวกับ modal สำหรับการแสดงความจำเป็น - เตรียมสอบ TOEIC®

ครูจาก top-students.com กำลังอธิบายเรื่อง obligation ในภาษาอังกฤษบนกระดานดำด้วยชอล์ก คอร์สนี้เป็นคอร์ส TOEIC® เฉพาะทางที่ออกแบบเพื่อความเป็นเลิศในข้อสอบ TOEIC®

ไม่ว่าจะเป็นการแสดง ความจำเป็นส่วนตัว, ข้อบังคับตามกฎเกณฑ์ หรือ สถานการณ์, modal มีบทบาทสำคัญในการ สื่อสารในชีวิตประจำวัน, การทำงาน หรือ ด้านวิชาการ คอร์สนี้จะพาไปสำรวจ modal หลัก ได้แก่ must, have to และ shall รวมถึงวลีทางเลือกอย่าง need to และ be supposed to เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้ได้เหมาะสมกับ บริบท

1. « Must » สำหรับการแสดงความจำเป็น

A. « Must » ใช้เมื่อไหร่?

Must เป็น modal ที่ใช้บ่อยที่สุดในการ แสดงความจำเป็น โดยใช้ในกรณี:

ความจำเป็นส่วนตัวที่รุนแรง : คนพูดคิดว่าสิ่งนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง
- You must stop smoking for your health.
  (ผู้พูดเน้นว่าจำเป็นต้องเลิกสูบบุหรี่เพื่อสุขภาพ)
ความจำเป็นที่เกิดจากตัวเอง ไม่ใช่จากกฎหรือคนอื่น
- I must finish this report before tomorrow.
  (ผู้พูดพิจารณาเองว่าต้องทำรายงานนี้ให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้)

B. « Must not » สำหรับการแสดงข้อห้าม

รูปปฏิเสธของ « must » คือ « must not » (หรือ « mustn't ») ซึ่งใช้เพื่อแสดง ข้อห้าม หรือ การบังคับไม่ให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

You mustn’t open this door under any circumstances.
(คุณไม่สามารถเปิดประตูนี้ได้ ไม่ได้รับอนุญาต)
He mustn’t disclose that information.
(เขาถูกห้ามเปิดเผยข้อมูลนั้น)

หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม อ่านบทเรียน modals - การแสดงข้อห้าม

C. « Must » ในประโยคคำถามในภาษาอังกฤษแบบทางการ

แม้จะพบไม่บ่อยนัก แต่สามารถใช้ « must » ใน ประโยคคำถาม โดยเฉพาะในภาษาอังกฤษที่เป็นทางการหรือสุภาพ:

Must I really attend the entire conference ?
(จำเป็นจริง ๆ หรือไม่ที่ฉันต้องเข้าร่วมประชุมทั้งงาน?)

2. « Have to » สำหรับการแสดงความจำเป็น

A. « Have to » และ « has to » ใช้เมื่อไหร่?

« Have to » (และ « has to » สำหรับบุรุษที่สามเอกพจน์) ใช้เพื่อแสดง:

ความจำเป็นที่มาจากภายนอก เช่น กฎ หรือสถานการณ์ที่บังคับให้เราทำบางอย่าง
- I have to renew my passport soon.
  (ความจำเป็นที่เกิดจากกฎหมายหรือหน่วยงาน ไม่ใช่จากตนเอง)
สิ่งจำเป็นในเชิงข้อเท็จจริงหรือสถานการณ์
- She has to call her boss before 6 p.m.
  (ความจำเป็นที่เกิดจากงาน ไม่ได้มาจากตัวเลือกของเธอ)

B. « Must » หรือ « have to » ควรใช้ตัวไหนดี?

ขึ้นอยู่กับความหมาย

« Must » และ « have to » ต่างก็แปลว่า « ต้อง » ในภาษาไทย แต่มีความแตกต่างหลักดังนี้:

« Must » ใช้เมื่อ ความจำเป็นมาจากคนพูด (เป็นความเห็นหรือเลือกเอง)
« Have to » ใช้เมื่อ ความจำเป็นมาจากภายนอก (เช่น กฎหมาย, กฎ, สถานการณ์)

ขึ้นอยู่กับ tense ของประโยค

ต่างจาก « must » ซึ่งใช้ได้เฉพาะใน Present, « have to » สามารถผันได้กับ ทุก tense

Tense	รูปของ "have to"	ตัวอย่างกับ "I"
Past	had to	I had to wake up early yesterday. She had to finish her homework last night.
Present	have to / has to	I have to leave now; I'm running late. She has to attend the meeting at 10 AM.
Future	will have to	I will have to prepare for the exam tomorrow. She will have to submit the application next week.
Present Perfect	have had to has had to	I have had to change my plans because of the rain. She has had to work overtime to meet the deadline.
Conditional	would have to	I would have to leave early if the train is late. She would have to cancel her trip if it rains.
Conditional Past	would have had to	I would have had to take a taxi if the bus hadn't arrived. She would have had to study harder to pass the exam.

C. « don’t have to » สำหรับการแสดงว่าไม่จำเป็น

« don’t have to » ใช้เพื่อแสดงว่า ไม่จำเป็นต้องทำ ไม่ใช่ข้อห้าม

You do not have to come if you’re busy.
(คุณไม่จำเป็นต้องมา ถ้าคุณยุ่ง)
He doesn’t have to work on weekends.
(เขาไม่จำเป็นต้องทำงานวันเสาร์-อาทิตย์)

หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม อ่านบทเรียน modals - การแสดงว่าไม่จำเป็น

3. Shall สำหรับการแสดงความจำเป็นอย่างเข้มงวด

ในเอกสาร ทางการ, สัญญา, กฎหมาย หรือข้อบังคับ, shall ถูกใช้เพื่อแสดง ความจำเป็นอย่างเข้มงวด ซึ่งมีความเข้มแข็งคล้ายกับ must

The tenant shall pay the rent on the first day of each month.
(ข้อบังคับตามกฎหมายหรือสัญญา)
Employees shall comply with the company’s code of conduct.
(ข้อบังคับจากบริษัทหรือกฎระเบียบ)

ใน ภาษาอังกฤษแบบทางการหรือโบราณ, shall อาจใช้แสดง ความจำเป็น แต่ในภาษาอังกฤษปัจจุบันมักใช้ must หรือ have to มากกว่า

You shall not pass.
(ข้อบังคับหรือข้อห้ามแบบเข้มงวด (เสียงเก่า หรือทางการ))
Each participant shall bring their own equipment.
(บังคับสำหรับผู้เข้าร่วมทุกคน (ภาษาเป็นทางการ))

Modal แท้ « need » พบได้น้อย โดยใช้ใน ภาษาอังกฤษแบบทางการ ใน ประโยคปฏิเสธหรือคำถาม มักนิยมใช้ semi-modal « need to » มากกว่า

Need I really apologize ?
(ทางการและเก่า ปัจจุบันนิยมพูดว่า « Do I really need to apologize ? »)
You needn’t worry.
(ทางการ ปัจจุบันนิยมพูดว่า « You don’t need to worry. »)

"Need to" ใช้เพื่อแสดงว่า จำเป็น หรือ ต้องการทำบางอย่าง "need to" คล้ายกับ "have to" แต่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่า

มันแสดงถึง สิ่งที่ต้องทำ เนื่องจาก สถานการณ์ หรือเพราะมัน สมเหตุสมผล ไม่ใช่เพราะกฎหรือกฎหมาย

I need to buy groceries; the fridge is empty.
(จำเป็นเพราะตู้เย็นว่างเปล่า)
She needs to prepare for her exam tomorrow.
(จำเป็นเพราะมีสอบ)

B. « don’t need to » สำหรับการแสดงว่าไม่จำเป็น

« do not need to » (หรือ « don’t need to») ใช้เพื่อแสดง ไม่มีความจำเป็น หรือ ไม่ต้องทำ

You don’t need to hurry; we have plenty of time.
(คุณไม่ต้องรีบ เรามีเวลาเยอะ)
He doesn’t need to attend the meeting if he’s busy.
(เขาไม่ต้องเข้าประชุมถ้าเขายุ่ง)

หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม อ่านบทเรียน modals - การแสดงว่าไม่จำเป็น

6. « Should » / « ought to » สำหรับการแสดงความจำเป็น

A. « Should » และ « ought to » ใช้เมื่อไหร่?

« Should » และ « ought to » ใช้เพื่อแสดง:

คำแนะนำ หรือ ข้อเสนอแนะ
บางครั้งเป็น ความจำเป็นเบา ๆ หรือ การแนะนำแรง ๆ

แม้ทั้งสอง semi-modal จะมีความหมายใกล้เคียงกัน แต่ « ought to » จะทางการมากกว่า « should »

You should see a doctor if the symptoms persist.
(คำแนะนำ หรือความจำเป็นเบาๆ เกี่ยวกับสุขภาพ)
They ought to be more careful with their spending.
(ข้อเสนอแนะที่แรง ใกล้เคียงกับข้อบังคับทางศีลธรรม)

B. « Should not » และ « ought not to » สำหรับการแนะนำให้หลีกเลี่ยง

ใช้ semi-modal 2 ตัวนี้เพื่อแสดง คำแนะนำให้หลีกเลี่ยงบางอย่าง

โดยทั่วไปจะใช้เพื่อแนะนำ ไม่ควรทำบางอย่าง

เวอร์ชันปฏิเสธ ought not to กับ shouldn’t มีความหมายใกล้เคียงกัน แต่ ought not to พบได้น้อยกว่า (ทางการหรือโบราณ)

You shouldn’t eat so much sugar.
(คำแนะนำ: ไม่ควรกินน้ำตาลเยอะ)
We shouldn’t ignore the warning signs.
(ข้อแนะนำแรง ๆ: ไม่ควรละเลยสัญญาณเตือน)
You ought not to be so rude to your parents.
(คำแนะนำทางการ: ไม่ดีที่คุณจะหยาบคายกับพ่อแม่ขนาดนั้น)

C. « Should » / « ought to » หรือ « must » / « have to » ควรใช้ตัวไหนดี?

โดยทั่วไปใช้ should สำหรับ แนะนำ และ must หรือ have to สำหรับ บังคับอย่างเข้มงวด สรุปดังนี้:

Should / ought to : ใช้สำหรับ ความจำเป็นเบา ๆ หรือ คำแนะนำ แนะนำให้ทำแต่ไม่มีลักษณะบังคับ
- You should drink more water to stay healthy.
Must / have to : ใช้เมื่อ ความจำเป็นเข้มงวด หรือ จำเป็นอย่างยิ่ง (เช่น กฎหมาย, กฎ, สถานการณ์เร่งด่วน)
- You must wear a seatbelt while driving.

7. « be supposed to » สำหรับการแสดงความจำเป็นเบา ๆ

วลี « be supposed to » ใช้เพื่อแสดงสิ่งที่ คาดหวังในสถานการณ์หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องหนักเท่า « must » หรือ « have to »

We are supposed to hand in the report by Friday.
(คาดหวังให้ส่งรายงานก่อนวันศุกร์)
He is not supposed to park here.
(เขาไม่ควรจอดที่นี่ เป็นข้อห้ามหรือขัดกับกฎ)

8. « be to » สำหรับการแสดงความจำเป็นอย่างเป็นทางการ

วลี « be to » ใช้ใน ภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการมาก หรือใน ประกาศ เพื่อแสดง ความจำเป็น หรือ แผนการอย่างเป็นทางการ

The President is to visit the factory next Monday.
(ประธานาธิบดีต้องไปเยี่ยมโรงงานวันจันทร์หน้า (ทางการ))
All students are to attend the ceremony.
(นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมพิธี (ข้อบังคับทางการ))

9. สรุป

ในวันสอบ TOEIC®, การเข้าใจ modal สำหรับความจำเป็น เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ modal เหล่านี้ปรากฏทั้งใน บทความ และ เสียง - คุณต้องเข้าใจบริบท - หรือโดยตรงใน ประโยคเติมคำ

Modal/โครงสร้าง	แหล่งที่มาของความจำเป็น	ระดับความจำเป็น	ตัวอย่าง
Must	ภายใน (ผู้พูด, อำนาจทางศีลธรรม)	สูง (subjective)	I must finish this task now.
Shall	อำนาจทางกฎหมาย, ข้อบังคับ, ข้อสัญญา	สูง (ทางการหรือกฎหมาย)	ข้อบังคับทางกฎหมาย: All employees shall comply with the company’s code of conduct. ข้อสัญญา: You shall receive the package within 3 days.
Have to	ภายนอก (กฎหมาย, กฎ, สถานการณ์)	สูง (objective)	กฎหมาย: I have to pay my taxes by April 15th. กฎ: You have to wear a helmet when riding a bike. สถานการณ์: I have to take an umbrella; it’s raining heavily.
Need to	ภายในหรือภายนอก (ความต้องการ)	สูง (จำเป็น)	ภายใน: I need to sleep early tonight; I’m exhausted. ภายนอก: You need to submit the form before the deadline.
Should / Ought to	ภายใน (คำแนะนำ, ข้อเสนอแนะ)	ปานกลาง (คำแนะนำ, ศีลธรรม)	คำแนะนำ: You should visit the doctor if you feel unwell. ข้อเสนอแนะ: We ought to save more money for emergencies.
Be supposed to	มาตรฐานหรือความคาดหวังทางสังคม	ปานกลาง (คาดหวัง)	มาตรฐาน: Students are supposed to be quiet in the library. ความคาดหวังทางสังคม: You are supposed to RSVP for the wedding invitation.
Be to	กรณีทางการ, ทางการหรือประกาศ	สูง (ในบริบททางการ)	The Prime Minister is to address the nation tomorrow evening. The students are to meet their teacher at the museum at 10 a.m.

ต่อไปนี้คือประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ modal สำหรับความจำเป็น:

Must vs. Have to :

Must : ความจำเป็นสูง, subjective, มาจากตัวผู้พูด (หรืออำนาจภายใน)
Have to : ความจำเป็นสูง, แต่มาจาก กฎเกณฑ์ หรือสถานการณ์ภายนอก

Shall ใช้ใน บริบททางการ, กฎหมาย หรือ ประกาศทางการ ภาษาอังกฤษทั่วไปจะใช้ must มากกว่า
รูปปฏิเสธของ must (mustn’t) หมายถึง ข้อห้าม, แต่รูปปฏิเสธของ « have to » (don’t have to / doesn’t have to) หมายถึง ไม่จำเป็นต้อง...
Need to คล้ายกับ « have to » แต่เน้น ความต้องการส่วนตัว หรือในทางปฏิบัติ
Should / Ought to : คำแนะนำ หรือ ความจำเป็นเบา ๆ, อ่อนกว่าการใช้ « must » หรือ « have to »
Be supposed to : แสดงสิ่งที่ คาดหวังหรือกำหนดไว้ ตาม กฎ หรือ ธรรมเนียม แต่ไม่เข้มงวดเท่า « must » หรือ « have to »
Be to : ใช้ใน ภาษาทางการ หรือ บริบททางกฎหมาย เพื่อบอกถึง แผนการหรือความจำเป็น

หากต้องการทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ modal, สามารถอ่าน บทเรียน ต่อไปนี้: